นาฬิกา ธงค้อนเคียว ปฏิทิน


      เวลาประเทศไทย...     
 
 images by free.in.th
 

      ปฏิทินวันนี้...   

News online

Radio

REDPLUS  LIVE 1
ผู้กล้าปชต. 90.25 MHz
REDSIAM
SOOMHUAGUN
วิทยุ 3DANG 1
วิทยุแกนนอน
วิทยุม้าเร็ว 1
THAIVOICE 2
ติดต่อเรา way2fight.rs@gmail.com
Blog นี้เข้าได้สองทางนะครับ http://way2fight.blogspot.com และ http://fighttillwin.blogspot.com แต่ละ Blog มีบทความให้อ่านต่างกันครับ แต่นอกนั้นเหมือนกันหมดครับ C box เดียวกันครับ เข้าทางไหนก็คุยกันได้ครับ สำหรับท่านที่ต้องการเข้ามาคุยอย่างเดียวเชิญทางนี้ครับ http://way2fight.cbox.ws/ (ห้องสีชมพู) และ http://winniebetter.cbox.ws/ (ห้องสีฟ้า) สำหรับท่านที่ต้องการอ่านแต่บทความอย่างเดียวเพราะคอมช้า ทำให้เสียเวลาในการโหลดหน้าเวบ ทางทีมงาน Blog ได้รวบรวมบทความทั้งหมดไว้ด้วยกันแล้ว เชิญทางนี้เลยครับ http://way2fightnews.blogspot.com/

way2fight C-Box

ห้องลับสำหรับคุยหลังไมค์

World Clock เวลาทั่วโลก

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ปฎิรูปหรือปฏิวัติ

 โดย ศรีสองเมือง

คำว่า”ปฏิวัติ” นั้นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงจากคุณภาพเก่าไปสู่คุณภาพใหม่เป็นการเปลี่ยนแปลง ในระดับโครงสร้างพื้นฐานเลยทีเดียว เช่นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เปลี่ยนจากระบอบสังคมที่ล้าหลังไปสู่สังคมที่ ก้าวหน้ากว่า หรือเปลี่ยนระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชไปสู่ระบอบประชาธิปไตย หรือจากระบบความคิดเก่าไปสู่ระบบความคิดใหม่
  
ส่วนการ ปฏิรูป นั้นหมายถึงการปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังคงไว้ซึ่งลักษณะโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่การเปลี่ยนไปสู่คุณภาพใหม่แต่อย่างใด จะลดหรือเพิ่มก็เพียงด้านปริมาณเท่านั้น


ใครก็ตามที่เสนอแนวทาง ”ปฏิรูป” ในการเคลื่อนไหวต่อสู้ และอ้างว่ามันเป็นวิถีทางที่ดีที่สุดสำหรับแก้ไขความขัดแย้งต่างๆในสังคมได้  สามารถสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขารักสันติ แท้จริงแล้วเป็นเพราะแนวทางนี้จะเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกเขาที่จะคงสถานะได้ เปรียบทางสังคมของตนเอาไว้ต่างหาก        

แนวคิดปฏิรูปจึงสามารถโน้มน้าวปัญญาชนนายทุนน้อยทั้งหลายให้เห็นดีเห็นงาม ไปด้วย พวกเขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับคุณภาพที่ไม่ผ่านความรุนแรงนั้นมีความ เป็นไปได้ โดยไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เลยว่ามันไม่เคยเป็นจริง  ขอให้เรามาเปรียบเทียบคุณภาพของการปฏิรูปและการปฏิวัติว่ามันมีความแตกต่าง กันอย่างไร
      
หากเราต้องการต้มน้ำให้เดือดโดยใช้อุณหภูมิแค่ 40 องศา(c) น้ำจะค่อยๆสะสมอุณหภูมิให้สูงขึ้นทีละเล็กทีละน้อย  แต่จะไม่มีวันถึงจุดเดือดและกลาย เป็นไอได้เลย น้ำจะยังคงสภาพเป็นของเหลวอยู่ เพียงแต่มีอุณหภูมิสูงขึ้นบ้างเท่านั้น   ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ(กลายเป็นไอ)แต่อย่างใด เปรียบได้ดั่งแนวคิดของนักปฏิรูปที่ฝันถึงความค่อยเป็นค่อยไปและมีความหวัง ว่าถ้าเผด็จการทรราชล่วงไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีตามมา  โดยมิได้คำนึงถึงการก้าวขึ้นมาแทนที่ของทรราชคนใหม่คนต่อไป และคนต่อไปเลย ดังนั้นแนวคิดปฏิรูปจึงไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพของสังคมได้ ทั้งนี้เพราะรากฐานและโครงสร้างทางอำนาจของเผด็จการดั้งเดิมยังคงดำรงอยู่ อย่างเหนียวแน่น แนวทางปฏิรูปจึงเป็นแค่เพียงความเพ้อฝันของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้เปรียบใน สังคมเท่านั้น  
  
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ยุคใกล้ที่ผ่านมามันได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่น ชัดว่า  สังคมไทยภายใต้การครอบงำของลัทธิเผด็จการ  หรือคนที่มีความคิดเผด็จการ  หรือคนที่ยอมรับใช้เผด็จการตั้งแต่จอมพลสฤษดิ์มาจนถึงปัจจุบัน   ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนรากหญ้ามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขึ้นเลย  ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรของความยากจน หนี้สิน  และความอยุติธรรมนานาชนิดท่ามกลางการกดขี่ ประเทศชาติมีหนี้สินพอกพูนขึ้นมากมาย ในขณะที่ชนชั้นปกครองและบริวารกลับมีความสุขและร่ำรวยขึ้นท่ามกลางความอด อยากยากจนของประชาชน
  
มันเป็นไปได้อย่างไร... ที่ประชาชนของประเทศซึ่งได้ชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแห่งหนึ่ง ของโลก ต้องมาประสบกับชะตากรรมอันเลวร้ายถึงปานนี้  เท่านั้นไม่พอยังถูกยัดเยียดให้ซึมซับรับเอาค่านิยมสามานย์เพ้อฝันและถูก มอมเมาด้วยวัฒนธรรมที่ไร้สาระอีกด้วย  พวกเขาผลิตคติธรรมคำพูดที่สละสลวยสวยงามขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย จากสติปัญญาของ ลูกหลานกรรมกรชาวนาที่ทรยศต่อชนชั้นเดิมของตน แต่ละวันเราจะพบเห็นได้ยินการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อที่เป็นองค์กรจัดตั้งของพวก เขา เพราะพวกเขามีเจตนาที่จะกักขังประชาชนให้ตกอยู่ในความมืดบอดทางปัญญาและ เป็นเบี้ยล่างที่สิ้นหวังไปตลอดชีวิต     กดหัวให้ยอมเป็นเครื่องมือที่มีลมหายใจทำการผลิตปัจจัยต่างๆเพื่อการดำรงชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยของพวกเขาเท่านั้น  
    
สำหรับแนวคิดที่ว่าจะได้ประชาธิปไตยมาโดยร้องขอนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความคิดเพ้อฝันและไร้เดียงสาอย่างยิ่งในทางการเมือง ไม่แน่ว่าอีกกี่ชั่วคนจึงจะได้รับการตอบสนอง สำหรับประชาชนที่ตาสว่างแล้วจะไม่ยอมเลือกเส้นทางนี้อย่างเด็ดขาด  แต่จะเพิ่มอุณหภูมิของการต่อสู้ให้สูงขึ้นจนกว่าถึงจุดเดือดเพื่อจะเปลี่ยน สถานะภาพของสังคมที่เลวร้ายให้กลายเป็นสังคมที่ดีงามของประชาซน เป็นการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพจากสถานะเก่าไปสู่สถานะใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีลักษณะปฏิวัติ!!!!! ต่อจากนั้นค่อยทำการปฏิรูป
      

การเพิ่มอุณหภูมิคืออะไร? ก็คือการเพิ่มนักปฏิบัติเข้าไปในหมู่ผู้นำมวลชนทุกระดับในขบวนแถวของ ประชาชน เป็นการแก้ปมทางยุทธศาสตร์ที่พวกเผด็จการพยายามสกัดกั้นทำลายหัวขบวนของ ประชาชน  เพราะเขายังมีความเชื่ออย่างเก่าว่าเมื่อไม่มีหัวขบวนก็จะเคลื่อนไหวไม่ได้ เราจะเห็นได้ว่าความคิดนี้ได้แปรไปสู่การกระทำด้วยการพยายามคุกคามในรูปแบบต่างๆต่อ ผู้ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทุกๆระดับทั่วประเทศ ในอดีตมันอาจจะได้ผลแต่สำหรับปัจจุบันเงื่อนไขต่างๆไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้ว  เพียงเงื่อนไขของเวลาเพียงอย่างเดียวก็ได้ผลักดันให้สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงสาเหตุของ ”ความขัดแย้งภายใน”  ของพวกเขา ประชาชนได้พัฒนาความรับรู้มากขึ้นและกำลังอยู่ในระยะสะสมปริมาณเพื่อจะก้าว ไปสู่คุณภาพใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
      
การที่มวลชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวอย่างมากมายมหาศาลนั้น ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่านี่เป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แม้การเคลื่อน ไหวต่อสู้ที่ผ่านมาจะเป็นการให้การศึกษาแก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี   แต่ยังไม่ก่อให้เกิด”พลวัตร” ที่มากพอจะไปเอาชนะผู้กดขี่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างและยกระดับความรับรู้ของประชาชนขึ้นมาให้ถึงขั้นที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสังคมโดยพื้นฐาน ต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้และต้องถือว่าเป็นภาระ หน้าที่ๆสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งไม่อาจละเลยได้  ยิ่งในขณะนี้ต้องถือว่ามันเป็นปัญหาใจกลางที่มีความสำคัญ
  
ในยามที่จิตใจสู้รบของมวลชนอยู่ในกระแสสูง จะต้องเร่งสร้างผู้ปฏิบัติ งานซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการชี้ขาดชัยชนะขึ้นมาอย่างเร่งด่วน เสริมสร้างปัจจัยที่เป็นคุณและสิ่งที่ขาดหายไปขึ้นมาเพื่อพัฒนาดุลยภาพใน การต่อสู้ การสร้างตัวแทนของมวลชนในระดับต่างๆนั้นยังไม่เพียงพอ ต้องติดอาวุธทางปัญญาให้พวกเขาสามารถไปทำหน้าที่เป็นผู้นำความคิดทางการ เมืองและแนวทางการต่อสู้ที่ถูกต้องสอดคล้องกับภววิสัยให้แก่ประชาชนได้อีกด้วย ต้องทำให้พวกเขาเป็นเมล็ดข้าวเปลือกทางปัญญา   ตกที่ไหนก็จะงอกงามที่นั่น          

ยังไม่สายที่จะ ปรับความคิด ปรับขบวน  
เลือกแนวทางให้ชัดเจนว่าเป้าหมายในการต่อสู้คืออะไร ปฏิรูปหรือปฏิวัติ



ที่มา redsiam

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น